วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ค่ายฟรอ์ทเรนเจอร์





Ranger Wildtrack 2012

Ranger Wildtrack 2012

Ranger Wildtrack 2012



   
            ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 28 นี้ ทางฟอร์ด ประเทศไทย ได้เปิดเผยให้ได้ทราบกันแล้วว่า จะมีการนำเอากระบะพันธุ์ใหม่อย่าง "เรนเจอร์ ไวลด์แทรค 2012" (Ranger Wildtrack 2012) มาเป็นไฮไลท์ของบูทฟอร์ด ด้วยจุดขายหลักในเรื่องของความประหยัดน้ำมัน และการดีไซน์ที่มีลุค ดุ เข้ม และมีสมรรถนะในการขับขี่ที่ไม่เป็นสองรองใครเหมือนกัน

            เรนเจอร์ ไวลด์แทรค ตัว 2012 นี้ เป็นกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.2 ลิตร ผลิตกำลังได้สูงสุดที่ 200 แรงม้า  ติดตั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด มีสัญญาณเตือนการเปลี่ยนเกียร์ บนแผงหน้าปัด ช่วยให้เลือกเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างเหมาะสม ลดการลากรอบโดยไม่จำเป็น ขณะที่ความจุถังน้ำมันมีให้ 80 ลิตร แถมยังมีการประหยัดน้ำมันด้วยอัตราเฉลี่ยที่ 19.47 กิโลเมตรต่อลิตร 


Ranger Wildtrack 2012

Ranger Wildtrack 2012


     
            ขณะ ที่ภายในห้องโดยสาร เน้นความดุดันของสีสันและความเป็นสปอร์ต ด้วยเบาะหนังโทนสีดำตัดกับสีส้ม ตกแต่งภายในด้วยวัสดุที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ เน้นความกว้างขวางในส่วนผู้โดยสารมากขึ้น โดยเฉพาะในเบาะแถวหลังที่สามารถรองรับผู้โดยสาร 3 คน ให้นั่งได้สบาย ๆ ไม่ต้องมาเบียดเสียดกันเมื่อก่อน ๆ และมีช่องใส่สิ่งของต่าง ๆ กระจายอยู่ทั่วห้องโดยสารกว่า 23 จุด

            ที่สำคัญไปกว่านั้น ยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น บลูทูธ เครื่องเล่นเพลงที่รองรับพอร์ท USB - AUX ซึ่งเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์พกพาอื่น ๆ ได้ มีระบบสั่งงานวิทยุด้วยเสียงที่รองรับถึง 7 ภาษา (แต่ยังไม่มีภาษาไทย) มีกล้องหลังซึ่งจะแสดงผลที่กระจกมองหลัง และ จอขนาด 5 นิ้ว พร้อมระบบนำทางผ่านดาวเทียม


            สำหรับราคาฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ในแต่ละรุ่น มีดังต่อไปนี้

            รุ่นโอเพ่นแค็บ 4X2 XLT เกียร์ธรรมดา 6 สปีด 659,000 บาท
            รุ่นโอเพ่นแค็บ 4X2 ไฮ-ไรเดอร์ 2.2 ลิตร XLT เกียร์ธรรมดา 6 สปีด 699,000 บาท
            รุ่นดับเบิลแค็บ 4X2 XLT เกียร์ธรรมดา 6 สปีด 739,000 บาท
            รุ่นโอเพ่นแค็บ 4X2 ไฮ-ไรเดอร์ XLT ไวลด์แทรค เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด 759,000 บาท
            รุ่นดับเบิลแค็บ 4X2 ไฮ-ไรเดอร์ XLT เกียร์ธรรมดา 6 สีปีด 779,000 บาท
            รุ่นดับเบิลแค็บ 4X2 ไฮ-ไรเดอร์ 2.2 ลิตร XLT เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด 799,000 บาท
            รุ่นดับเบิลแค็บ 4X2 ไฮ-ไรเดอร์ 2.2 ลิตร ไวลด์แทรค เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด 869,000 บาท
            รุ่นดับเบิลแค็บ 4X4 ไฮ-ไรเดอร์ XLT เกียร์ธรรมดา 6 สปีด 879,000 บาท
            รุ่นดับเบิลแค็บ 4X4 XLT ไวลด์แทรค เกียร์อัติโนมัติ 6 สปีด 969,000บาท

      

มิตซูบิชิ
















ด้วยความร้อนแรงของตลาดรถกระบะในช่วงนี้ ทำให้หลายๆ ค่ายต้องปรับทัพสู้ศึกท้ายปีกันอย่างอุตลุด ค่ายอื่นส่งรถกระบะใหม่ๆ ออกมาสู่ตลาดชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร แต่นั่น… ก็ไม่ได้ทำให้ทางค่าย มิตซูบิชิ หวั่นไหว (หรือเปล่า?? :-) ) ยังคงดันจุดขายของ มิตซูบิชิ ไทรทัน พลัส (Mitsubishi Triton Plus) ในความเป็นรถกระบะพันธุ์แรง 178 แรงม้า พร้อมแต่งเสริม เติมออปชั่น อัดออกมาสู้ศึกครั้งนี้ด้วย
Mitsubishi Triton Plus
รถยนต์ Mitsubishi Triton Plus ประกบคู่กับพรีเซนเตอร์ ตูน บอดี้ แสลม (ใครหล่อกว่ากัน) พร้อมชูจุดขาย รถกระบะ 178 แรงม้า
ถือเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับรถที่ทำตลาดมายาวนาน ก่อนปรับเปลี่ยนรุ่นใหม่ ก็ต้องอัดโปรโมชั่น แต่งเสริม เติมออปชั่น กระตุ้นยอดขายส่งท้ายกันบ้างเป็นพักๆ มิตซูบิชิ ไทรทัน (Mitsubishi Triton) ก็เช่นกันครับ คราวนี้มาพร้อมข้อเสนอ”ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Diamond Insurance” และพ่วงด้วย”ดอกเบี้ยต่ำ 1.99%” มาให้ด้วย
ถึงแม้จะเพิ่งปรับทัพไปเมื่อต้นปี มาถึงรอบนี้ก็มีการแต่งโฉมเพิ่มมาเล็กน้อย ใน มิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่นแต่งพิเศษ ที่เห็นได้ชัดก็คือ เพิ่มคิ้วข้างประตูให้ดูสปอร์ตขึ้น  นอกจากนี้ก็มีแต่งกรอบไฟหน้าใหม่แบบ Chrome bezel แต่งกรอบไฟตัดหมอกให้เป็นโทนเดียวกับสีตัวถัง หัวเกียร์หุ้มหนัง เบาะหนังแนวสปอร์ต นอกนั้นก็ยังเดิมๆ ส่วนสีตัวถังของรุ่นแต่งพิเศษนี้จะเป็นสีขาวมุกไวท์เพิร์ลครับ
Mitsubishi Triton Plus
มิตซูบิชิ ไทรทัน พลัส (Mitsubishi Triton Plus)
ใหนๆ ก็แต่งพิเศษทั้งที ทางมิตซูบิชิน่าจะให้ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัยเพิ่มมาด้วยนะผมว่า หรือจะกั๊กไว้ใส่ตอนออกรุ่นใหม่หมด โน่นเลย ก็คงต้องรอดูกันต่อไปครับ
ส่วนราคาเพื่อนๆ สามารถดูได้ตามตารางของรถมิตซูบิชิ ไทรทัน แต่ล่ะรุ่นย่อยด้านล่างได้เลยครับ
ราคามิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่น Mega Cab Plus และ รุ่น Double Cab Plus
Mitsubishi Triton
Mitsubishi Triton รุ่น Mega Cab Plus และ รุ่น Double Cab Plus

ค่าเชฟโรเลต โคโลราโด

เชฟวี่โคโลราโด รถกระบะอเมริกันพันธุ์แกร่ง รุ่นใหม่ล่าสุด ได้รับการพัฒนาจากประสบการณ์ความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมาตลอด 100 ปีของเชฟโรเลต อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของรถกระบะ และถูกทดสอบในทุกขีดจำกัดของสภาวะการขับขี่อย่างสุดขั้วทั่วโลก เพื่อให้แน่ใจว่า โคโลราโด ใหม่ พร้อมตอบสนองทุกการใช้งาน และทุกความต้องการของลูกค้าทุกคนอย่างแท้จริง
บึกบึน สมบุกสมบัน โดดเด่นด้วย “ดูอัลพอร์ท” ดีเอ็นเอ เชฟโรเลต
เชฟวี่ โคโลราโด รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกใหม่หมดจด สะดุดตาตั้งแต่หน้าจรดท้ายรถ ตัวถังมีขนาดใหญ่โตขึ้นจากรุ่นเดิมในทุกมิติ โดดเด่นด้วยกระจังหน้าสองชั้น “ดูอัลพอร์ท” ล้อมกรอบโครเมียม และคาดกลางด้วยโลโก้โบไทสีทองเอกลักษณ์เฉพาะของเชฟโรเลต ฝากระโปรงหน้าขนาดใหญ่เน้นสันขอบที่ยกสูงขึ้นจากซุ้มล้อราวสามนิ้ว เพิ่มความบึกบึนขึ้นอย่างชัดเจน
ด้านหน้าของโคโลราโด ยังถูกเติมความดุดันเต็มพิกัดด้วยโคมไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ อยู่คู่กับไฟตัดหมอกทรงเหลี่ยมล้อมกรอบด้วยโครเมียมในรุ่น LTZ หรูหรามีเอกลักษณ์ และส่องสว่างดียิ่งขึ้น ขณะที่ด้านล่างของกันชนหน้าติดตั้งแผ่นกันกระแทกเสริมความแข็งแกร่งป้องกัน การกระแทกอ่างน้ำมันเครื่องหากขับขี่ในเส้นทางสมบุกสมบัน
เสริมความหรูหราด้วยโครเมียมรอบคัน ทั้งที่เปิดฝาท้าย ที่เปิดประตู กันชนหลัง และกระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า ขณะที่ไฟท้ายแนวตั้งเป็นแบบแอลอีดีส่องสว่างชัดเจนยามค่ำคืนพร้อมไฟตัดหมอก หลัง สำหรับล้ออัลลอยใช้ขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง 255/65 R17 รับกับโป่งซุ้มล้อขนาดใหญ่ทั้งหน้าและหลังในรุ่น LTZ และล้อขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 245/70 R16 ในรุ่น LT พร้อมรองรับทุกการขับขี่
โครงสร้างแชสซีส์ของโคโลราโด ใหม่ ได้รับการคำนวณโครงสร้างมาเป็นอย่างดีให้ทนแรงบิดตัวได้ดี พร้อมด้วยคานขวางเสริมแรงถึง 8 จุด “8 Cross members” (ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ) และคานขวางเสริมแรง 7 จุด “7 Cross members” (ในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ) พร้อมการใช้เทคโนโลยีพัฒนาพื้นผิวตัวรถอย่างพิถีพิถันเพื่อความทนทาน ตลอดจนการประกอบที่เน้นให้ช่องว่างของชิ้นส่วนตัวถังแคบลงกว่าเดิม ลดเสียงรบกวนในห้องโดยสาร เพิ่มภาพลักษณ์ความหรูหราเหนือกว่ารถกระบะในระดับเดียวกัน
IMG_3133_resize
สำหรับรูปแบบตัวถังของ เชฟวี่ โคโลราโด ใหม่ มีให้เลือก 3 สไตล์
• Crew Cab – รถปิกอัพสไตล์เอนกประสงค์ 4 ประตู เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และความแข็งแกร่ง พร้อมตอบสนองความสะดวกสบาย และให้ความหรูหราสำหรับครอบครัวคนรุ่นใหม่ที่ใช้ชีวิตฉีกกรอบอย่างมีสีสัน
• Extended Cab – รถปิกอัพ 2 ประตูตอนครึ่ง พร้อม Cab Flex หรือแค็บแบบเปิดได้ 90 องศา ออกแบบมาสำหรับการใช้งานแบบเอนกประสงค์ ทั้งในชีวิตประจำวัน การบรรทุกหนัก ตลอดจนการท่องเที่ยว
• Single Cab – รถปิกอัพ 2 ประตู รองรับทุกการบรรทุกหนัก เพื่อความคุ้มค่าในการใช้งานเชิงพาณิชย์
โคโลราโด ใหม่ มาพร้อมกับสีสันตัวถังถึง 7 สี ได้แก่ สีขาว Alpine White สีเงิน Switchblade Silver สีดำ Black Sapphire สีเทา Royal Gray สีแดง Sizzle Red สีน้ำตาล Auburn Brown และสีน้ำเงิน Oceanic Blue
ภายในกว้างขวางเอนกประสงค์สะดวกสบาย ดังรถยนต์นั่งสุดหรู
ภายในห้องโดยสารของโคโลราโด ใหม่ ออกแบบด้วยแนวคิด “ดูอัล ค็อกพิท” ดีเอ็นเอเดียวกับรถสปอร์ตในตำนานอย่างเชฟโรเลต คอร์เวทท์ เน้นความไหลลื่นตลอทั้งแผงคอนโซล สร้างความสมดุลภายในห้องโดยสาร ให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสัมผัสประสบการณ์แห่งการขับขี่ร่วมกัน การตกแต่งมอบความรู้สึกหรูหรา สะดวกสบาย และตอบสนองทุกการใช้งานอย่างแท้จริง
แผงคอนโซลใช้สีทูโทน สีเบจและสีดำในรุ่น LTZ และ LT เสริมด้วยเมทัลลิกเพิ่มความโฉบเฉี่ยว มาตรวัดเรืองแสงสปอร์ตเต็มพิกัด การดีไซน์ได้รับแรงบันดาลใจจากรถสปอร์ตเชฟโรเลต คามาโร พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการเดินทาง Data Information Center (DIC) โดดเด่นยามค่ำคืนด้วยแสงสีฟ้าอ่อน (Ice Blue LED illumination) สวยงามแตกต่างจากรถกระบะทั่วไป ขณะที่คอนโซลกลาง ติดตั้งสวิทช์ทรงกลมควบคุมระบบขับเคลื่อน เพียงหมุนปรับเปลี่ยนจากระบบขับเคลื่อนสองล้อ เป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD Hi/ 4WD Lo ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า สำหรับการบุกตะลุยในทุกเส้นทาง
พื้นที่ในห้องโดยสารกว้างขวางยิ่งขึ้น โดยมีพื้นที่ช่วงไหล่ ศรีษะ และความสูงของเบาะที่นั่งมากที่สุดในรถกระบะระดับเดียวกัน เบาะที่นั่งคู่หน้าปรับสูงต่ำและเลื่อนเข้าออกได้มากกว่าเดิมเพื่อรองรับทุก สรีระของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร พร้อมพื้นที่ช่องเก็บของมากมายสไตล์รถกระบะเอนกประสงค์ โดยโคโลราโด เอ็กซ์เทนเดด-แค็บ มีทั้งหมด 19 ช่อง ขณะที่ครูว์-แค็บ มีถึง 20 ช่องเก็บของ
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในครบครัน ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบดิจิตอลที่ให้ความเย็นรวดเร็วกว่าเดิมในทุกสภาพ อากาศและเงียบกว่าเดิมจากการปรับปรุงระบบไหลเวียนอากาศใหม่ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ครูสคอนโทรลอยู่คู่กับพวงมาลัย 3 ก้านแบบมัลติฟังก์ชั่นขนาดกระชับมือ เครื่องเสียงแบบ 2 DIN เชื่อมต่อด้วยระบบบลูธูท MP3/USB และ AUX ผ่านลำโพง 6 ตัวในรุ่น LTZ
IMG_3048_resize
ขุมพลัง “ดูราแมกซ์” ขีดสุดแห่งเทคโนโลยีดีเซล
ขุมพลังขับเคลื่อนอันร้อนแรงของเชฟวี่ โคโลราโด ใหม่เป็นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูลดูราแมกซ์ มีขนาด 2.5 ลิตร และ 2.8 ลิตร ผลิตจากศูนย์การผลิตเครื่องยนต์ดีเซล “จีเอ็ม เพาเวอร์เทรน” ในจังหวัดระยอง ได้รับการพัฒนาโดยทีมวิศวกรระดับโลกของจีเอ็ม ผสมผสานทั้งความทนทาน
ประหยัดน้ำมัน และเปี่ยมด้วยพละกำลัง โดยผ่านการทดสอบอย่างถึงขีดสุดในทุกสภาวะการขับขี่ ทั้งในแอฟริกา เอเชีย อเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้
สำหรับเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร เป็นบล็อก 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว คอมมอนเรลไดเรคอินเจคชั่น พร้อมเทอร์โบ แปรผัน และอินเตอร์คูลเลอร์ ให้พละกำลังสูงสุด 180 แรงม้าที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 470 นิวตัน-เมตรที่รอบต่ำเพียง 2,000 นาทีสำหรับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และแรงบิด 440 นิวตัน-เมตรที่ 2,000 รอบ/นาทีสำหรับเกียร์ธรรมดา 5 สปีด
ขณะที่เครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตรของโคโลราโด เป็นแบบ 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว คอมมอนเรลไดเรคอินเจคชั่น พร้อมเทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์เช่นกัน โดยให้พละกำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตรที่ 2,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด
วิศวกรของจีเอ็มเน้นพัฒนาเครื่องยนต์ดูราแมกซ์ทั้ง 2 รุ่นของโคโลราโด ใหม่ ให้มีแรงบิดสูงในรอบต่ำ เหมาะกับการใช้งานหนัก ทั้งการบรรทุกสิ่งของ หรือลากจูงได้อย่างเต็มพิกัด พร้อมสามารถไต่ขึ้นลงทางลาดชันได้อย่างสบาย โดยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบที่มีความจุ 2.8 ลิตร และ 2.5 ลิตรนั้นยังถูกออกแบบมาให้มีอัตราบริโภคน้ำมันค่อนข้างต่ำอีกด้วย
ความปลอดภัยเต็มพิกัด พร้อมให้ความมั่นคงทุกการขับขี่
โคโลราโด ใหม่ มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยเชิงรุกที่ให้ความอุ่นใจอย่างเต็มที่ ดิสก์เบรกคู่หน้าพร้อมครีบระบายอากาศขนาด 300 มม. พร้อมระบบเบรก ABS ป้องกันล้อล็อก และระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
- TCS (Traction Control System) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ทำงานร่วมกับระบบเบรก ABS และแรงบิดของเครื่องยนต์ในทุกรอบความเร็ว และในทุกสภาวะการขับขี่ ทั้งขณะออกตัว เข้าโค้ง หรือเบรกกะทันหัน
- ESP (Electronic Stability Program) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว โดยระบบจะทำงานร่วมกับ TCS โดยทำการประเมินการเคลื่อนที่ของรถกับองศาการหมุนของพวงมาลัย หากเกิดการเสียสมดุล ระบบจะเพิ่มแรงเบรกในแต่ละล้อ รวมทั้งลดกำลังของเครื่องยนต์ เพื่อให้รถกลับเข้าสู่สภาวะสมดุลและควบคุมได้ง่ายขึ้น (เฉพาะรุ่น LTZ)
- PBA (Panic Brake Assist) ระบบรองรับการเบรกกะทันหัน โดยระบบจะตรวจจับจากน้ำหนักการกดเท้าลงที่แป้นเบรกและจะช่วยเพิ่มกำลังและ สั่งการให้ระบบ ABS ทำงานเร็วขึ้น อันจะช่วยลดระยะในการหยุดรถให้สั้นลงเมื่อเปรียบเทียบกับรถที่มีระบบเบรก ABS แต่ไม่มีระบบ PBA นี้ (ยกเว้นรุ่น LS)
- CBC (Cornering Brake Control) ระบบสร้างสมดุลขณะเบรกในโค้ง โดยระบบจะควบคุมแรงดันเบรกและลงน้ำหนักในการเบรกไปยังล้อทั้งสี่อย่างอิสระ จากกันอย่างเหมาะสม ซึ่งแรงดันและน้ำหนักในการเบรกในแต่ละล้ออาจแตกต่างกัน เพื่อช่วยสร้างสมดุลและการทรงตัว และลดอาการท้ายปัด (Oversteer) หรือดื้อโค้ง (Understeer) (เฉพาะรุ่น LTZ)
- HBA (Hydraulic Brake Assist) ระบบช่วยเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรก ทำงานเมื่อผู้ขับขี่ลงน้ำหนักเท้าไปที่แป้นเบรกอย่างรุนแรงขณะเบรกกะทันหัน (ยกเว้นรุ่น LS)
- HBFA (Hydraulic Brake Fade Assist) ระบบชดเชยแรงดันน้ำมันเบรก ทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อผู้ขับขี่ทำการย้ำเบรกขณะเบรกกะทันหัน
IMG_3036_resize
ขณะที่ความปลอดภัยเชิงรับก็พร้อมปกป้องทุกคนในห้องโดยสาร ถุงลมนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้าในรุ่น LTZ แชสซีส์ขนาดใหญ่ทนแรงบิดตัวได้สูง พร้อมคานขวางเสริมแรง โครงสร้างตัวถังแบบโมโนค็อก พร้อมคานเสริมนิรภัยกันกระแทกด้านข้าง พวงมาลัยนิรภัยยุบตัวอัตโนมัติ ช่วยลดแรงกระแทกช่วงอกจากการชนด้านหน้า และกระจกหน้าอัดซ้อนนิรภัย
ระบบกันสะเทือนให้ความมั่นคงในทุกย่านความเร็วตามแบบของเชฟโรเลต ด้านหน้าเป็นแบบอิสระปีกนกสองชั้น พร้อมทอร์ชั่นบาร์และโช้กอัพแก็ส ขณะที่ด้านหลังใช้แบบลีฟสปริงแป้นรูปครื่งวงรีใช้วัสดุทำด้วยเหล็กกล้า พร้อมโช้กอัพแก็ส
ราคา All-New Chevrolet Colorado รุ่นปี 2012 มีดังต่อไปนี้
Single Cab
มาตรฐาน ราคา 537,000 บาท เครื่องยนต์ Duramax 2.5 150 แรงม้า/350 นิวตันเมตร ราคาขายพร้อมเครื่องปรับอากาศ
Extended Cab
มาตรฐาน ราคา 584,000 บาท เครื่องยนต์ Duramax 2.5 150 แรงม้า/350 นิวตันเมตร ราคาขายพร้อมเครื่องปรับอากาศ
Z71 ยกสูง ราคา 688,000 บาท เครื่องยนต์ Duramax 2.5 150 แรงม้า/350 นิวตันเมตร ราคาขายพร้อมเครื่องปรับอากาศ
Z71 4X4 ราคา 737,000 บาท เครื่องยนต์ Duramax 2.5 150 แรงม้า/350 นิวตันเมตร ราคาขายพร้อมเครื่องปรับอากาศ
Crew Cab
มาตรฐาน ราคา 659,000 บาท เครื่องยนต์ Duramax 2.5 150 แรงม้า/350 นิวตันเมตร ราคาขายพร้อมเครื่องปรับอากาศ
Z71 ยกสูง ราคา 765,000 บาท เครื่องยนต์ Duramax 2.5 150 แรงม้า/350 นิวตันเมตร ราคาขายพร้อมเครื่องปรับอากาศ
Z71 4X4 ราคา 808,000 บาท เครื่องยนต์ Duramax 2.5 150 แรงม้า/350 นิวตันเมตร ราคาขายพร้อมเครื่องปรับอากาศ

ค่ายอีซูซุ







http://www.rakcar.com/images/forum/255409/car_29225038.JPG

Isuzu D-Max 2012 เปิดตัว อีซูซุ ดีแม็ค โฉมใหม่

หลังจากที่มีภาพหลุดมาตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา พอมาถึงช่วงเย็นทางบริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ก็ได้มีการเปิดตัวรถยนต์กระบะ Isuzu D-Max 2012 อีซูซุ ดีแม็ค โฉมใหม่อย่างเป็นทางการ ในตลาดในเมืองไทยมั่นใจกระแสตอบรับดี เปรยเคาะราคาจำหน่ายที่ 465,00 บาท สูงสุด 994,000 บาท แย้มอเนกประสงค์รอยาว 2 ปี

นาย ฮิโรชิ นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เปิดเผยว่า"อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!" จะเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของวงการรถยนต์ครั้งยิ่งใหญ่ รถปิกอัพสำหรับคนทั้งโลกที่รวมนวัตกรรมที่ทันสมัย ล้ำหน้า ได้รับการออกแบบใหม่หมด ทั้งขนาด รูปลักษณ์ภายนอกและภายใน ผสานกับ "อีซูซุ ดีดีไอ ซูเปอร์คอมมอนเรล" เทคโนโลยีเครื่องยนต์คอมมอนเรลแห่งอนาคต

http://www.rakcar.com/images/forum/255409/car_29224859.JPG

ด้านหลัง Isuzu D-Max 2012 เปิดตัว อีซูซุ ดีแม็ค โฉมใหม่

เรามีความตั้งใจที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อนในวงการปิกอัพ เริ่มจากรูปลักษณ์ภายนอกสวย งามล้ำสมัย ใหญ่ทุกมิติ ที่มาพร้อมความลู่ลมที่สุดและเงียบที่สุดด้วยเทคโนโลยีอากาศพลศาสตร์ดุจรถไฟ หัวกระสุน โดยเฉพาะการทดสอบที่อุโมงค์ลม "JAPAN RAILWAY TECHNICAL RESEARCH INSTITUTE" หรือ JR ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นอุโมงค์ลมที่ใช้ทดสอบรถไฟหัวกระสุน หรือ "ชินคันเซ็น" (Shinkansen) อันโด่งดัง

http://www.rakcar.com/images/forum/255409/car_29225115.JPG

ด้านข้างรถ Isuzu D-Max 2012 เปิดตัว อีซูซุ ดีแม็ค โฉมใหม่

นาย ฮิโรชิ กล่าวต่อไปว่า อีซูซุมุ่งมั่นสร้างสรรค์ ยานยนต์ที่ไม่เพียงสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถชาวไทยซึ่งได้ชื่อ ว่ามีการใช้รถปิกอัพหลากหลายรูปแบบมากที่สุดในโลก แต่ยังสร้างสรรค์รถปิกอัพที่มีความเหนือชั้นในทุกด้าน เพื่อให้รถปิกอัพ "อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!" นี้สานต่อความสำเร็จของอีซูซุในระดับโลก และเป็นรถปิกอัพสำหรับคนทั้งโลกอย่างแท้จริง

http://www.rakcar.com/images/forum/255409/car_29225418.JPG
ภายใน Isuzu D-Max 2012 เปิดตัว อีซูซุ ดีแม็ค โฉมใหม่

ด้าน คุณปนัดดา เจณณวาสิน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าว ว่า อีซูซุดีแม็กใหม่นี้ จะมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 465,000 บาท และสูงสุดที่ 994,000 บาทโดยจะวางจำหน่ายในวันที่ 14 ตุลาคม 2554 ในขณะที่แผนงานในเรื่องรถอเนกประสงค์หรือ Isuzu Mu-7 นั้น จะยังไม่เปิดตัวรุ่นใหม่ในอีก 2 ปีอย่างแน่นอน


Isuzu D-Max 2012 เปิดตัว อีซูซุ ดีแม็ค โฉมใหม่


Isuzu D-Max 2012 เปิดตัว อีซูซุ ดีแม็ค โฉมใหม่

ด้านสเป็คอื่น ๆ ของ Isuzu D-Max 2012

เรื่องร่างใหม่ของ
Isuzu D-Max 2012 ทันสมัย ไฉไล และลู่ลม

ที่ผ่านมา Isuzu Dmax นั้นอาจจะถูทมองว่าเป้นรถที่ผู้ใช้มักให้ความสำคัญต่อสมรรถนะประหยัดน้ำมัน ทว่า ครั้งนี้นั้นมันกำลังจะเปลี่ยนไป ด้วยรูปลักษณ์ที่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแบบใหม่ยก ภายใต้การปฏิวัติการดีไซน์ใหม่หมดทั้งคันในแบบ "ดีไซน์เปลี่ยนโลก (Epoch Making)" และ "แรงบันดาลใจแห่งอนาคต" เพื่อให้เป็นรถปิกอัพที่ล้ำสมัย และเข้ากับโลกในอนาคตได้อย่างแท้จริง ท้าทายกาลเวลา โดดเด่นสะกดสายตาทุกมุมมอง


ด้านหน้าสะกดทุกสายตาด้วยไฟหน้าใหม่ FREEFORM PROJECTOR ให้อารมณ์ทันสมัยและยังสปอร์ตเต็มพิกัดตั้งด้านหน้า ด้านแนวคิด รูปทรงที่ดุดัน ทรงพลัง (Aggressive Form) ตัวรถมีรูปทรงลิ่ม ลู่ลม แบบ Wedge-shape Design ต่อเนื่อง สู่ด้านข้างที่ ดุดันด้วย Muscular Fender โป่งล้อขึ้นรูปขนาดใหญ่ ดุจกล้ามเนื้อของนักกีฬา ที่ทั้งหมดลงตัวด้วย ความสมดุลสูงสุดของรูปทรง (Perfect Proportion)โดยให้ความสำคัญกับ Center Line สมส่วน ทั้งมองระยะใกล้ หรือระยะไกล พร้อมเส้น Katana Line ดุจคมดาบซามูไรอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

สุดยอดความสมบูรณ์แบบแห่งดีไซน์ที่ให้ความลู่ลมสุด เงียบสุด ด้วยเทคโนโลยีอากาศพลศาสตร์ดุจรถไฟหัวกระสุน เพื่อให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศต่ำที่สุด ประหยัดน้ำมันที่สุด เงียบที่สุด โดยผ่านการทดสอบกับอุโมงค์ลมหลากหลายทั่วโลก โดยเฉพาะที่อุโมงค์ลม "Japan Railway Technical Research Institute" หรือ JR ซึ่งเป็นอุโมงค์ลมที่ใช้ทดสอบรถไฟหัวกระสุน หรือ "ชินคันเซ็น" (Shinkansen) อันโด่งดัง

บั้นท้าย Isuzu ล้ำหน้าด้วยไฟท้ายแบบ LED ครั้งแรกในวงการปิกอัพเมืองไทย ที่ยังเน้นทุกสัดส่วนไม่พ้นด้านบนกับ Cutting Edge Top View ให้มุมมองด้านบนที่สวยเฉียบขาดบาดใจ สะท้อนสไตล์รถสปอร์ต อย่างชัดเจน


UNIVERSAL DESIGN เหนือระดับกับแนวคิดการดีไซน์

ในห้องโดยสาร Isuzu จัดการเปลี่ยนแปลงใหม่หมดจดด้วยแนวคิด UNIVERSAL DESIGN ศิลปะและศาสตร์แขนงหนึ่งที่มีความเป็นสากลร่วมสมัย โดยมองผู้ใช้รถเป็นศูนย์กลาง และตอบสนองทุกคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แนวคิดการออกแบบใหม่นี้ได้นำเสนอภายใต้ 3คอนเซปต์สำคัญคือ Raku Raku : Comfortable "สบายๆ" เพิ่มพื้นที่ว่าง กว้าง สบาย และเข้า-ออกรถ อย่างเป็นธรรมชาติและผ่อนแรงมากที่สุด

Kantan : Easy "ง่ายๆ" การออกแบบที่พิถีพิถัน ให้อุปกรณ์ทุกสิ่งภายในรถใช้งานง่ายจัดวางลงตัว และเข้าใจง่าย และ Anata Shidai : Up to you "สไตล์ใคร สไตล์มัน" เพิ่มมิติการใช้งานที่หลากหลาย และมีทางเลือกหลายรูปแบบที่สุด เพื่อประโยชน์ในการใช้งานสูงสุด

นอกจากนี้ ในห้องโดยสารยังใส่ Multi-Information Display (MID) จอข้อมูลอัจฉริยะขนาดใหญ่ แสดงข้อมูลการขับขี่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบ โดดเด่นกว่าด้วยเมนู 2 ภาษา (ไทยและอังกฤษ) สามารถแสดงข้อมูลปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง อุณหภูมิของเครื่องยนต์ และอื่นอีกมาก มาพร้อมระบบ ปรับอากาศอัตโนมัติ (Automatic Air Cooler)ออกแบบการกระจายความเย็นใหม่ ช่องแอร์ขนาดใหญ่ (เฉพาะรุ่น Z-Prestige 4 ประตู) เช่นเดียวดันกับ เบาะนั่งแบบ Bolster Seat โอบกระชับรับกับสรีระ เว้าเข้ารูปพอดีทั้งแผ่นหลังและสะโพก โดยในรุ่น Z-Prestige 4 ประตู เครื่องยนต์ 3.0 VGS ให้ความหรูหราครบครันเหนือชั้น กับ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง

สิ่งที่น่าสนใจใน Dmax ใหม่หมดนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในรุ่นแค๊ป ที่แนะนำSUPER SPACECAB ห้องโดยสารแบบปิกอัพแค็บเปิดได้ เพื่อความสะดวกสบายที่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกไลฟ์สไตล์ และความปลอดภัยที่เหนือระดับกว่าด้วยโครงสร้างเสาเหล็กกล้าเสริมความแข็ง แกร่งเป็นพิเศษ ด้านความยบันเทิงก้ครบครันสมบูรณืแบบ ด้วย ISUZU ALL-NEW ENTERTAINMENT SYSTEM ที่มาพร้อมระบบเสียงSurround Sound System รอบทิศทางจากลำโพงสูงสุดถึง 8 ตัว พิเศษ! ครั้งแรกกับลำโพงคู่หน้าขนาด 6x9 นิ้ว ขับพลังเสียงกระหึ่ม พร้อมลำโพงพิเศษบนเพดาน "Exciter" สร้างมิติแห่งเสียงที่หนักแน่น คมชัด ถ่ายทอดทุกท่วงทำนองสมจริงทุกรายละเอียด


Isuzu D-Max 2012 ขุมพลังประหยัด เน้นเพิ่มสมรรถนะเล็กน้อย

พูดถึง Isuzu ถ้าไม่พูดถึงความประหยัดนั้นก็ดูท่าว่ามันจะแปลกไปสักหน่อย และใน New! Isuzu Dmax ใหม่นี้ มันก้มาพร้อมเครื่องยนต์ อีซูซุ ดีดีไอ ซูเปอร์คอมมอนเรล" (ISUZU Ddi SUPER COMMONRAIL) เจนเนอเรชั่น 3.5 ที่ยังคงความเหนือชั้น

ขุมพลังที่ทรงพลังนี้ได้รับการออกแบบมาเป๋นอย่างดี ด้วยการปรับเปลี่ยน ระบบหัวฉีดจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง แรงดันสูง 180 MPa. และหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่! แบบ 8 รู ซึ่งมีขนาดรูเล็กลงถึง 10%

เทอร์โบแปรผันใหม่ ALL-NEW VGS TURBO ถูกเรียกมาใช้งาน ให้กา ตอบสนองได้แรงและเร็วกว่าในทุกรอบความเร็วเครื่องยนต์ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ใหม่ ขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น โดยในส่วนของตัวเครื่องยนต์เองมีการปรับปรุงห้องเผาไหม้ เป็น แบบ Hi-swirl ให้ส่วนผสมดียิ่งขึ้น

ขุมพลังทรงพลังยังมาพร้อม 3 ทางเลือก เหมือนเคย ตั้งแต่ Ddi 2.5 VGS TURBO ขนาด 2,500 ซีซี ให้พลังเหลือเฟือถึง 136 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงแบบต่อเนื่อง (High Flat-torque) สูงถึง 320 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 - 2,800 รอบ/นาที และ ISUZU Ddi 2.5 TURBOขนาด 2,500 ซีซี ให้พลัง 116 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงแบบต่อเนื่อง (Flat-torque) สูงถึง 280 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 - 2,200 รอบ/นาที


อย่างไรก้ดี ถ้าคุณไม่พอใจเครื่องยนต์รุ่นเล็ก Isuzu ก็ยังมีรุ่นใหญ่ ISUZU Ddi 3.0 VGS TURBO ขนาด 3,000 ซีซี ผสานเทคโนโลยีเทอร์โบแปรผัน ให้พลังสูงถึง 177 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงแบบต่อเนื่อง (High Flat-torque) สูงถึง 380 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 - 2,800 รอบ/นาที ให้เลือก โดยทั้งหมด มาพร้อมระบบ ส่งกำลัง 5 สปีด ทั้งเกียร์ ธรรมดา และเดียร์ อัตโนมัติ วึ่งให้การขับขี่สนุกยิ่งขึ้น ด้วย Sport - Shift ให้การเข้าเกียรืง่ายและเร็วยิ่งขึ้น สำหรับเกียร์ธรรมดา ส่วน เกียร์อัตโนมัติขับสนุกยิ่งขึ้นกับระบบ REV TRONIC ให้เข้าเกียร์ได้แบบเดียวกับเกียร์รรมดา

ค่ายโตโยต้า


โตโยต้า วีโก้ แชมป์ 2012
Toyota Hilux Vigo Champ รถกระบะประหยัดน้ำมัน คุณภาพระดับโลก เครื่องยนต์อัจฉริยะ “Diamond Tech” เอกสิทธิ์แห่งเทคโนโลยี Toyota สมบูรณ์แบบ เปี่ยมด้วยสมรรถนะ ทุกสภาวะการขับขี่ ประหยัดน้ำมันสูงสุดทั้งเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล และเบนซิน VVT-i
รุ่นเครื่องยนต์
แรงม้าสูงสุด
(กิโลวัตต์) / รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด
นิวตันเมตร / รอบต่อนาที
มีในรุ่นรถ
1KD – FTV 3.0 ลิตร
ไดเร็คอินเจ็คชั่น 16 วาล์ว
VN เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์
163 แรงม้า
(120 กิโลวัตต์)
ที่ 3,400 รอบต่อนาที
343 นิวตัน-เมตร
ที่ 1400–3200 รอบ/นาที
- รุ่นมาตรฐาน ขับเคลื่อน 2 ล้อ
- SmartCab ทุกระบบขับเคลื่อน
- DoubleCab ทุกระบบขับเคลื่อน
2KD – FTV (VNT) 2.5 ลิตร
ไดเร็คอินเจ็คชั่น 16วาล์ว VN เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์
144 แรงม้า
(106 กิโลวัตต์)
ที่ 3,400 รอบต่อนาที
343 นิวตัน-เมตร
ที่ 1600–2800 รอบ/นาที
- SmartCab Pre-runner
และ 4×4- DoubleCab ทุกระบบขับเคลื่อน
2KD – FTV (I/C) 2.5 ลิตร
ไดเร็คอินเจ็คชั่น 16วาล์ว
เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์
120 แรงม้า
(88 กิโลวัตต์)
ที่ 3,600 รอบต่อนาที
325 นิวตัน-เมตร
ที่ 2000 รอบ/นาที
- SmartCab ขับเคลื่อน 2 ล้อและ Pre-runner- DoubleCab Pre-runner
2KD – FTV 2.5 ลิตร
ไดเร็คอินเจ็คชั่น 16 วาล์ว
เทอร์โบ
102 แรงม้า
(72 กิโลวัตต์)
ที่ 3,600 รอบต่อนาที
200 นิวตัน-เมตร
ที่ 1400–3400 รอบ/นาที
-รุ่นมาตรฐาน / เอ็กซ์ตร้า แค็บ
- SmartCab ขับเคลื่อน 2 ล้อ
- DoubleCab ขับเคลื่อน 2 ล้อ
2TR – FE 2.7 ลิตร
เบนซิน VVT-I 16 วาล์ว
160 แรงม้า
(118 กิโลวัตต์)
ที่ 5,200 รอบต่อนาที
241 นิวตัน-เมตร
ที่ 3800 รอบ/นาที
-รุ่นมาตรฐาน ขับเคลื่อน 2 ล้อ
- SmartCab ขับเคลื่อน 2 ล้อ
- DoubleCab ขับเคลื่อน 2 ล้อ

IMG_2227_resize
รุ่นมาตรฐาน และ ExtraCab (เอ็กซ์ตร้าแค็บ) (รุ่น J)
สมรรถนะโดดเด่นในงานบรรทุก ทนทาน ช่วงล่างแข็งแกร่ง รูปลักษณ์ภายนอกดีไซน์ใหม่ สวยงาม บึกบึน ทรงพลัง
- ไฟหน้าดีไซน์ใหม่ โคมไฟคู่หน้าแบบฮาโลเจน มัลติรีเฟลกเตอร์ ส่องสว่าง ชัดเจน ดูมีพลัง พร้อมไฟหลังดีไซน์ใหม่ สวยงาม โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น
- ฝากระโปรงลงตัวกับช่องดักลมใหม่ ขนาดใหญ่ขึ้น สวยงาม รับกับแบบด้านหน้า
- กระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ โดดเด่น ทันสมัย
- เสาวิทยุใหม่ แบบพับเก็บได้ (เฉพาะรุ่น ExtraCab)
- สมรรถนะขับขี่ที่ดี ด้วยล้อกระทะเหล็กพร้อมฝาครอบล้อลายใหม่ (ยกเว้นรุ่น 2.5J) และยางขนาด 205/70R15 เพื่อความทนทานเหมาะสมกับการบรรทุก
ภายในดีไซน์โดดเด่น ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น
- แผงคอนโซลหน้า มาตรวัด และลูกบิดปรับอุณหภูมแอร์ ดีไซน์ใหม่ โดดเด่น ทันสมัยยิ่งขึ้น
- เบาะนั่ง / แผงประตูข้าง / คอนโซลกลาง โทนสีเทาเข้มขึ้น ดูสวยงามและรักษาง่ายขึ้น นั่งสบายด้วยเบาะแบบ 60:40 ซึ่งนั่งได้มากถึง 3 คน (รุ่นมาตรฐาน)
- เพิ่มช่องทางความบันเทิงให้มากขึ้นด้วยช่องต่ออุปกรณ์ USB / Aux (เฉพาะรุ่น ExtraCab) ที่มาพร้อมกับชุดเครื่องเสียงขนาด 2Din เล่น CD 1 แผ่น รองรับ MP3 และ WMA
ประสิทธิภาพการบรรทุกและทรงตัวที่เหนือชั้น ด้วยระบบช่วงล่าง TOP Platform (Toyota Outstanding Performance) ได้รับการปรับปรุงให้นุ่มนวลยิ่งขึ้น
- ระบบช่วงล่าง TOP Platform โครงสร้างเฟรมชิ้นเดียวยาวตลอดคันไร้รอยต่อ มีความแข็งแรงทนทาน ทนต่อแรงดึง และการบิดตัวสูง ให้การยึดเกาะถนนและการทรงตัวที่ดีขณะขับขี่
- ระบบกันสะเทือนด้านหน้า แบบอิสระปีกนกคู่ Double Wishbone และคอยล์สปริง รองรับแรงสั่นสะเทือนได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้รถมีการทรงตัวที่ดี และเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่
- ระบบกันสะเทือนหลัง แบบแหนบซ้อน เพิ่มประสิทธิภาพการบรรทุก
- พื้นที่กระบะท้าย กว้างขวาง เปี่ยมความจุ บรรทุกของได้มาก
IMG_2193_resize
ปลอดภัย มั่นใจ ในทุกการขับขี่
- ดิสก์เบรกหน้า พร้อมครีบระบายความร้อน / ดรัมเบรกหลังพร้อมวาล์วปรับแรงดันน้ำมันเบรกอัตโนมัติ LTS และ Super LSPV
- โครงสร้างนิรภัย GOA (Global Outstanding Assessment) – คานกันกระแทกด้านข้าง – พวงมาลัยแบบยุบตัวได้ – เข็มขัด ELR 3 จุด ปรับระดับสูงต่ำได้ – แป้นเหยียบเบรคแบบยุบตัวได้ วาล์วตัดน้ำมันอัตโนมัติ – โครงสร้างขอบประตูดูดซับแรงกระแทก ได้รับการออกแบบให้มีความอ่อนนุ่มเป็นพิเศษ ช่วยผ่อนแรงกระแทกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ลดการบาดเจ็บรุนแรงบริเวณศีรษะของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
รุ่น SmartCab (สมาร์ทแค็บ)
ตอบสนองอรรถประโยชน์สูงสุด พร้อมบานประตูพิเศษ สะดวกสบายทุกการเข้า-ออก พื้นที่กว้างขวาง สำหรับการบรรทุกสิ่งของ
รูปลักษณ์ดีไซน์ใหม่ โดดเด่นทั้งภายใน และภายนอก
- สะดวกสบายทุกการเข้า-ออกและการใช้งานด้วยประตูและบานเปิด Smart Cab ที่เปิดกว้างได้มากถึง 92 องศา เพิ่มความกว้างของทางเข้า-ออกห้องโดยสารอีก 51 เซนติเมตร เสริมด้วยเทคโนโลยีระบบล็อค 2 ชั้น เพิ่มอรรถประโยชน์ของการใช้งาน ปลอดภัยด้วยระบบป้องกันการหนีบขณะปิด พร้อมสัญญาณเตือนเมื่อบานเปิดปิดไม่สนิท พื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสารกว้างขวาง
- รูปลักษณ์โฉบเฉี่ยว ด้วยกระจังหน้า และกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ ให้ความรู้สึกถึงพลังและความแข็งแกร่งที่ผสมผสานความหรูหราของรถเก๋งอย่างลง ตัว
- ฝากระโปรงลงตัวกับช่องดักลมใหม่ ขนาดใหญ่ขึ้น สวยงาม รับกับแบบด้านหน้า
- โคม ไฟคู่หน้าดีไซน์ใหม่ แบบฮาโลเจน มัลติรีเฟลกเตอร์ ส่องสว่าง ชัดเจน / ไฟหลังดีไซน์ใหม่ ดูสวยงาม หรูหรา โฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น / ไฟเบรกดวงที่ 3 สีใหม่ เพิ่มเอกลักษณ์ด้านท้าย ดูสวยงาม
- ไฟตัดหมอกหน้าทรงใหม่ รับกับกันชนหน้า เพิ่มวิสัยทัศน์ในการขับขี่ (เฉพาะเกรด G และ Prerunner 2.5E ABS)
- กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวดีไซน์ใหม่ สวยเด่น มีสไตล์ยิ่งขึ้น
- เสาวิทยุใหม่ แบบพับเก็บได้ คล่องตัวยิ่งขึ้นแม้ในพื้นที่หลังคาเตี้ย
- โป่งล้อ (Over Fender) ดีไซน์ใหม่ (เฉพาะรุ่น Prerunner และ 4×4)
- ล้ออัลลอยใหม่ ขนาด 16 นิ้ว ทั้งรุ่น 4×2, 2×4, 4×4 สวยงามมีเอกลักษณ์มากขึ้น
- ล้อกระทะเหล็กพร้อมฝาครอบลายใหม่ (เฉพาะเกรด J)
- สติกเกอร์ข้างกระบะดีไซน์ใหม่ – เสริมเอกลักษณ์โดดเด่นในแต่ละรุ่น
ภายในดีไซน์โดดเด่น ดูทันสมัยยิ่งขึ้น
- พวงมาลัยดีไซน์ใหม่ หรูหรา สวยงาม พร้อมระบบ Multi-Function (เฉพาะเกรด G) สะดวกสบาย ใช้งานง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส
- แผงคอนโซลหน้าดีไซน์ใหม่ โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น
- มาตรวัดดีไซน์ใหม่ ทั้งแบบเรืองแสง Optitron (เกรด G) และแบบมาตรฐาน (เกรด J,E)
- ลูกบิดปรับอุณหภูมิแอร์ ดีไซน์ใหม่ โดดเด่นทันสมัย ตอบรับกับคอนโซลดีไซน์ใหม่
- ที่เก็บแว่นตา / ไฟส่องแผนที่ดีไซน์ใหม่ แบนเรียบกับเพดานหลังคา ดูสบายตา ใช้งานสะดวก
- เพิ่มช่องทางความบันเทิงให้มากขึ้นด้วยช่องต่ออุปกรณ์ USB / Aux ที่มาพร้อมกับชุดเครื่องเสียงขนาด 2Din เล่น CD 1 แผ่น รองรับ MP3 และ WMA
ประสิทธิภาพการบรรทุกและทรงตัวที่เหนือชั้น ด้วยระบบช่วงล่าง Top Platform ที่ได้รับการปรับปรุงให้นุ่มนวลยิ่งขึ้น
- ระบบช่วงล่าง TOP Platform โครงสร้างเฟรมชิ้นเดียวยาวตลอดคันไร้รอยต่อ มีความแข็งแรงทนทาน ทนต่อแรงดึง และการบิดตัวสูง ให้การยึดเกาะถนนและการทรงตัวที่ดีขณะขับขี่
- ระบบกันสะเทือนด้านหน้า แบบอิสระปีกนกคู่ Double Wishbone และคอยล์สปริง รองรับแรงสั่นสะเทือนได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้รถมีการทรงตัวที่ดี และมีความนุ่มนวลในการขับขี่
- ระบบกันสะเทือนหลัง แบบแหนบซ้อน เพิ่มประสิทธิภาพการบรรทุก
ปลอดภัย มั่นใจ ในทุกการขับขี่
- ดิสก์เบรกหน้า พร้อมครีบระบายความร้อน / ดรัมเบรกหลังพร้อมวาล์วปรับแรงดันน้ำมันเบรกอัตโนมัติ LTS และ Super LSPV
- ถุงลมเสริมความปลอดภัยแบบ Dual SRS Airbag คู่ด้านหน้า ปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารจากแรงกระแทกด้านหน้า (เฉพาะเกรด G)
- ระบบเบรก ABS (Anti-lock Braking System) ระบบป้องกันล้อล็อคขณะเบรกเพื่อความปลอดภัยเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุม ทิศทางและหักหลบสิ่งกีดขวางได้ในขณะเบรก (เฉพาะเกรด G และ E ABS)
- โครงสร้างนิรภัย GOA (Global Outstanding Assessment) พร้อมคานประตู คานกันกระแทกด้านข้าง – พวงมาลัยแบบยุบตัวได้ – เข็มขัด ELR 3 จุด ปรับระดับสูงต่ำได้ – แป้นเหยียบเบรกแบบยุบตัวได้ – ไฟเบรกดวงที่ 3 – แผงไล่ฝ้ากระจกหลัง – กระจกกระบังลมหน้าแบบอัดซ้อนนิรภัยพร้อมแถบกรองแสง – วาล์วตัดน้ำมันอัตโนมัติ – โครงเสาหลังคา และหลังคารถด้านในได้รับการออกแบบให้มีความอ่อนนุ่มเป็นพิเศษ ช่วยผ่อนแรงกระแทกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ลดการบาดเจ็บรุนแรง บริเวณศีรษะของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
รุ่น DoubleCab (ดับเบิ้ลแค็บ)
อเนกประสงค์ทุกการใช้งาน ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ในระดับเดียวกับรถยนต์นั่ง ให้ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยที่เหนือระดับ
รูปลักษณ์ภายนอกดีไซน์ใหม่ สะท้อนภาพลักษณ์หรูหรา ในแบบรถยนต์นั่ง
- รูปลักษณ์โฉบเฉี่ยว ด้วยกระจังหน้า และกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ ให้ความรู้สึกถึงพลังและความแข็งแกร่งที่ผสมผสานความหรูหราของรถเก๋งอย่างลง ตัว
- ฝากระโปรงลงตัวกับช่องดักลมใหม่ ขนาดใหญ่ขึ้น สวยงาม รับกับแบบด้านหน้า
- โคมไฟคู่หน้าดีไซน์ใหม่ แบบฮาโลเจน มัลติรีเฟลกเตอร์ ส่องสว่าง ชัดเจน / ไฟหลังดีไซน์ใหม่ ดูสวยงาม หรูหรามากยิ่งขึ้น / ไฟเบรกดวงที่3 สีใหม่ เพิ่มเอกลักษณ์ด้านท้าย ดูสวยงาม
- ไฟตัดหมอกหน้าทรงใหม่ รับกับกันชนหน้า เพิ่มวิสัยทัศน์ในการขับขี่ (เฉพาะในรุ่นเกรด G และ Prerunner 2.5E ABS)
- กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวดีไซน์ใหม่ สวยเด่น มีสไตล์ยิ่งขึ้น
- เสาวิทยุใหม่ แบบพับเก็บได้ คล่องตัวแม้ในพื้นที่หลังคาเตี้ย
- กล้องมองหลัง ทำงานสัมพันธ์กับเกียร์ถอยหลัง (เฉพาะ Prerunner และ 4×4 3.0G)
- โป่งล้อ (Over Fender) ดีไซน์ใหม่ (เฉพาะรุ่น Prerunner และ 4×4)
- ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว สำหรับรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ – ขนาด 17 นิ้ว สำหรับรุ่น Prerunner และรุ่น 4×4 – สวยงาม มีเอกลักษณ์
- ล้อกระทะเหล็กพร้อมฝาครอบลายใหม่ (เฉพาะเกรด J)
- สติกเกอร์ข้างกระบะดีไซน์ใหม่ – เสริมเอกลักษณ์โดดเด่นในแต่ละรุ่น
ภายในดีไซน์โดดเด่น ทันสมัยมากยิ่งขึ้น
- พวงมาลัยดีไซน์ใหม่ หรูหรา สวยงาม พร้อมระบบ Multi-Function (เฉพาะเกรด G) สะดวกสบาย ใช้งานง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส
- แผงคอนโซลหน้าดีไซน์ใหม่ โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น
- แผงข้างประตูสีเทาเข้มใหม่ ดูสวยงาม เหมือนรถเก๋ง
- มาตรวัดดีไซน์ใหม่ ทั้งแบบเรืองแสง Optitron (เกรด G) และแบบมาตรฐาน (เกรด J,E)
- ลูกบิดปรับอุณหภูมิแอร์ ดีไซน์ใหม่ โดดเด่นทันสมัย ตอบรับกับคอนโซลดีไซน์ใหม่
- เบาะที่นั่งไฟฟ้าด้านคนขับ (Power Driver Seat) เบาะนั่งปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง เพื่อความสะดวกสบายในการปรับเบาะ (เฉพาะรุ่น 3.0G 4×4)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ “Cruise Control” รักษาระดับความเร็วรถให้คงที่พร้อมเพิ่มและลดระดับความเร็วได้โดยไม่ต้อง เหยียบคันเร่ง ช่วงแบ่งเบาความเหนื่อยล้า ให้ทุกการเดินทางสะดวกสบาย (เฉพาะรุ่น 3.0G 4×4 เกียร์อัตโนมัติ)
- ชุดเครื่องเสียงใหม่ ขนาด 2 Din พร้อมจอสัมผัสขนาด 6.1 นิ้ว และเครื่องเล่น DVD 1 แผ่น (Prerunner และ 3.0G 4X4) หรือ แบบเครื่องเล่น CD 1 แผ่น รองรับ MP3 และ WMA และเพิ่มช่องทางความบันเทิงให้มากยิ่งขึ้นด้วยช่องต่ออุปกรณ์ USB / AUX
ประสิทธิภาพการบรรทุกและทรงตัวที่เหนือชั้น ด้วยระบบช่วงล่างแบบ Top Platform ที่ได้รับการปรับปรุงให้นุ่มนวลยิ่งขึ้น
- ระบบช่วงล่าง TOP Platform โครงสร้างเฟรมชิ้นเดียวยาวตลอดคันไร้รอยต่อ มีความแข็งแรงทนทาน ทนต่อแรงดึง และการบิดตัวสูง ให้การยึดเกาะถนนและการทรงตัวที่ดีขณะขับขี่
- ระบบกันสะเทือนด้านหน้า แบบอิสระปีกนกคู่ Double Wishbone และคอยล์สปริง รองรับแรงสั่นสะเทือนได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้รถมีการทรงตัวที่ดี และมีความนุ่มนวลในการขับขี่
- ะบบกันสะเทือนหลัง แบบแหนบซ้อน เพิ่มประสิทธิภาพการบรรทุก
เทคโนโลยีความปลอดภัยสูงสุด มั่นใจในทุกการเดินทาง
- ดิสก์เบรกหน้า พร้อมครีบระบายความร้อน / ดรัมเบรกหลังพร้อมวาล์วปรับแรงดันน้ำมันเบรกอัตโนมัติ LTS และ Super LSPV
- ถุงลมเสริมความปลอดภัย แบบ Dual SRS Airbag คู่ด้านหน้า ปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารจากแรงกระแทกด้านหน้า (เฉพาะเกรด G)
- ระบบเบรก ABS (Anti-lock Braking System) ระบบป้องกันล้อล็อคขณะเบรกเพื่อความปลอดภัย เพื่อให้ผู้ ขับขี่สามารถควบคุมทิศทางและหักหลบสิ่งกีดขวางได้ในขณะเบรก (เฉพาะเกรด G และ E ABS)
- โครง สร้างนิรภัย GOA (Global Outstanding Assessment) พร้อมเสาประตูขนาดใหญ่และหนา คานกันกระแทกด้านข้าง – พวงมาลัยแบบยุบตัวได้ – เข็มขัด ELR 3 จุด ปรับระดับสูงต่ำได้ – แป้นเหยียบเบรกแบบยุบตัวได้ – ไฟเบรกดวงที่ 3 – กล้องมองหลัง (เฉพาะ Prerunner และ 4×4 3.0G) – แผงไล่ฝ้ากระจกหลัง – กระจกกระบังลมหน้าแบบอัดซ้อนนิรภัยพร้อมแถบกรองแสง – วาล์วตัดน้ำมันอัตโนมัติ – โครงเสาหลังคา และหลังคารถด้านในได้รับการออกแบบให้มีความอ่อนนุ่มเป็นพิเศษ ช่วยผ่อนแรงกระแทกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ลดการบาดเจ็บรุนแรงบริเวณศีรษะของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
พร้อมให้เลือกเป็นเจ้าของ ด้วย 6 เฉดสี
- Dark Steel (สีใหม่)
- Silky Gold Mica Metallic* (สีใหม่)
- Black Mica
- Dark Grey Mica Metallic
- Super White II*
- Silver Metallic*
(*เฉพาะรุ่น ExtraCab และรุ่นมาตรฐาน มีให้เลือก 3 สี)